- ประเภทแรก คือ บริการส่งพัสดุย่อยทางอากาศ เป็นบริการส่งพัสดุไปต่างประเทศ ที่ถูกกว่าการส่งพัสดุแบบทั่ว ๆ ไป แต่ความแตกต่างอยู่ตรงที่ระยะเวลาในการจัดส่ง รวมถึงน้ำหนักของสินค้า โดยเงื่อนไขมีอยู่ว่า น้ำหนักของสินค้าที่ส่งจะต้องไม่เกิน 2 กิโลกรัม Dimension ของพัสดุ กว้าง+ยาว+สูง ไม่ควรเกิน 900 มม. และที่สำคัญเค้ากำหนดว่าห้ามใช้เทปหรือกาวโดยเด็ดขาด แต่ให้ใช้เชือกผูกแทนได้ และที่สำคัญต้องมีเอกสารแปะแนบไปด้วย เอกสารที่ว่ามานี้ก็คือ ใบ CN22 หรือที่เรียกกันว่า ใบศุลกากร การส่งพัสดุไปต่างประเทศ ทางเครื่องบินและทางภาคพื้น เป็นที่นิยมมากสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในยุค 4.0 โดยการส่งพัสดุไปต่างประเทศ ทางเครื่องบินและทางภาคพื้น เป็นที่นิยมมากสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในยุค 4.0 โดยมีระยะเวลาในส่งพัสดุไปต่างประเทศ ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือประมาณ 14-21 วัน ซึ่งถือว่านานมากๆ เลย สำหรับใครที่เฝ้าอยากจะได้รับพัสดุ สู้ดีไปส่งพัสดุกับบริษัทเอกชนที่มีบริการส่งพัสดุไปต่างประเทศ แบบเร่งด่วน โดยใช้ระยะเวลาในการจัดส่งแค่เพียง 2-3 วันทำการ ปลายทางก็ได้รับพัสดุเรียบร้อยแล้ว
- ประเภทที่สอง พัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ เป็นบริการส่งพัสดุไปต่างประเทศแบบธรรมดาทั่วไป การส่งพัสดุประเภทนี้มีเงื่อนไขในการส่งอยู่ว่า น้ำหนักของพัสดุจะต้องไม่เกิน 20 กิโลกรัม สามารถปิดผนึกได้มิดชิด การจัดส่งพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศจะมีค่าบริการที่แพงกว่าพัสดุย่อย เพราะว่าเหมาะกับประเทศที่เสี่ยงกับการที่ของจะหาย บริการส่งพัสดุไปต่างประเทศประเภทที่สองนี้จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ทางอากาศ ทาง SAL และทางภาคพื้น เหมือนพัสดุย่อย ระยะเวลาส่งก็พอๆ กัน จะแตกต่างกันตรงที่เงื่อนไขการใช้บริการเท่านั้น
- ประเภทที่สุดท้าย ท้ายสุด ส่งพัสดุไปต่างประเทศ แบบด่วนพิเศษ หรือ EMS ที่ทุกคนรู้จักนั่นเอง การจัดส่งแบบนี้ถือว่าปลอดภัยและรวดเร็วที่สุด เพราะเค้าคือ EMS 555+ แน่นอนว่าการจัดส่งแบบนี้้จะต้องพิเศษกว่าประเภทอื่นๆ ที่บอกมาข้างต้น เพราะการส่งพัสดุไปต่างประเทศ แบบ EMS นั้นเค้ามีการแยกระบบงานเป็นสัดส่วน ชัดเจน ทำให้เรามั่นใจดได้เลยว่า พัสดุของเราจะถึงมือผู้รับปลายทางอย่างแน่น หรือหากเกิดเหตุทำให้การจัดส่งล่าช้าจริงๆ การไปรษณีย์ไทยเค้าก็ยินดีคืนค่าบริการให้คุณ หากส่งของเกินกว่าวนที่กำหนด และถ้ามีการเสียหายหรือพัสดุสูญหายเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดของการไปรษณีย์ คุณจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายทันที
